สมศักดิ์ สิงห์ชัชวาลย์ อดีตแชมป์โลกชาวไทย วัย 32 ปี ขึ้นสังเวียนไฟต์ล่าสุดเมื่อวันพุธที่ 6 ม.ค. ที่เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี และมีอันต้องพลาดท่าพ่ายน็อกให้กับ เฟอร์นันโด้ โอติค นักชกฟิลิปินส์ ไปเพียงแค่ยกที่ 4 ชนิดช็อกใจแฟนมวยชาวไทยทั่วประเทศ


ครั้งหนึ่งสมศักดิ์เคยสร้างชื่อ บินไปน็อก มาห์ยา มงซิปัวร์ ยก 10 ถึงฝรั่งเศส เมื่อสามปีก่อน(18มี.ค.2549) พร้อมแย่งแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์แบนตั้มเวทมาครอง อย่างชนิดพลิกความคาดหมาย กลายเป็นนักมวยไทยในประวัติศาสตร์คนแรก ที่ไปคว้าแชมป์โลกถึงแดนน้ำหอม แต่เจ้าตัวก็ต้องมีอันพลาดท่าเสียเข็มขัดไปอย่างง่ายดายเพียงแค่ยก 3 แก่เซเลสตินโน่ คาบัลเลโร่ ในการป้องกันครั้งแรกช่วงปลายปีเดียวกัน (10 ต.ค.2549)


"สมศักดิ์ ต๊ะสิทธิ์" คือชื่อจริงของเด็กหนุ่มจากลำปาง ชกมวยไทยตั้งแต่อายุ 14 ปี ในชื่อ "แสนศักดิ์ ศิษย์เช" ตระเวณชกแถวภาคเหนือถิ่นเกิด ชน30 กว่าครั้ง แพ้เพียงแค่ 3 ครั้งเท่านั้น ต่อมายังชกมวยสากลสมัครเล่นอีกมากมาย ได้ดีกรีเหรียญทองกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ที่สงขลา(สมิหลาเกมส์) พ.ศ.2538 อยู่ในสังกัดสโมสรบุญรอดฯ จึงใช้ชื่อว่า "สิงห์ชัชวาลย์" ภายใต้การดูแลของหัวหน้าคณะคือ ชัชวาลย์ จั่นประดับ ต่อมาเมื่อหัวหน้าออกจากสังกัดบุญรอดฯ จึงเปลี่ยนมาใช้ชื่อ "ศิษย์ชัชวาลย์"

เมื่อเทิร์นโปรชกสากลอาชีพ ภายใต้การอุปถัมย์ของ "เป๋ โปสเตอร์" สุชาติ เกิดเมฆ คว้าแชมป์เงา ไอบีเอฟ ที่อินโดนีเซีย แต่หาคนจัดยากสุดท้ายจึงต้องสละไปเอง แล้วมาชิงแชมป์ จูเนียร์เฟเธอร์ WBF ก่อนจะคว้าแชมป์พาบ้าในเวลาต่อมา ป้องกันไว้ได้ถึง 20 กว่าครั้ง กระทั่งได้สิทธิ์ชิงแชมป์โลก WBA และสร้างประวัติการณ์เป็น นักชกไทยคนแรกที่คว้าแชมป์ได้ในทวีปยุโรป


สมศักดิ์ ผ่านร้อนผ่านหนาวกรำศึกบนสังเวียนมาอย่างโชกโชน ถึงวันนี้ในวัยย่าง 33 ปี เมื่อเจ้าตัวตัดสินใจแขวนนวม จึงอยากฝากผ่านไปถึงรุ่นน้อง นักมวยร่วมอาชีพทั้งหลายว่า


"ผมชกมวยมาเยอะ กินอยู่ เก็บตัวกับค่ายมวยต่างๆ มามากมายหลายที่ ตั้งแต่สมัยชกมวยสากลสมัครเล่น อายุ 17 ปี ได้พบปะ เรียนรู้ การใช้ชีวิตนักมวยจากรุ่นพี่ๆมามากมาย มีตัวอย่างที่ดี และขมขื่นให้จดจำ
อาชีพชกมวยนั้น มีอายุงานสั้นนัก และมีเพียงไม่กี่คนที่จะฝ่าฟันไปถึงฝั่งฝันแห่งความสำเร็จได้ ทว่าเหนือสิ่งอื่นใด ความมุมานะ อดทน มีระเบียบวินัยต่อการฝึกซ้อม เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่นักมวยทุกคนจะขาดมิได้...จึงอยากขอให้น้องๆทุกคน พึงตระหนักและปฏิบัติอย่าได้ประมาทเป็นอันขาด"...